🥁 กลองเอกราช (Klong Ekkarat) 🥁หมายถึง กลองยาวหรือกลองเพล (กลองทัด) ที่ทำจากไม้เนื้ออ่อน นำมาขึ้นรูปทรงตามประเภทของกลองที่มีขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ รวมถึงกลองประเภทสวยงาม โดยหนังกลองทำจากหนังสัตว์หลายชนิดตามความเหมาะสม ผลิตตามกรรมวิธีและภูมิปัญญาอันเป็นเอกลักษณ์โดยช่างฝีมือที่มีความชำนาญเฉพาะตัว และผลิตในเขตพื้นที่ที่กำหนดของตำบลเอกราช อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
ประวัติความเป็นมา
กลองเอกราช เริ่มมีการผลิตในปี พ.ศ. 2470 หรือกว่า 90 ปีที่ผ่านมา โดยนายเพิ่ม ภู่ประดิษฐ์ ซึ่งเป็นนักดนตรีไทยที่เคยเล่นดนตรีอยู่ในวัง เมื่อมีครอบครัวจึงตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่ที่ตำบลเอกราช อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง โดยได้ตั้งวงลิเกและวงปี่พาทย์ของตนเองและเริ่มทำกลองสองประเภท คือ กลองยาวกับกลองเพล (กลองทัด) เนื่องจากกลองที่นายเพิ่ม ภู่ประดิษฐ์ทำนั้นใช้งานได้ดีและมีประสิทธิภาพจนเป็นที่รู้จักของนักดนตรีอย่างแพร่หลายจึงเริ่มทำกลองเป็นจำนวนมากตามความต้องการของวงดนตรีไทย และได้ถ่ายทอดวิชาการทำกลองให้กับลูกศิษย์ที่เป็นสมาชิกในวงปี่พาทย์ ต่อมาได้แยกย้ายกันไปประกอบอาชีพทำกลองอย่างแพร่หลายจนกลายเป็นชุมชนหมู่บ้านทำกลอง จึงกล่าวได้ว่าช่างทำกลองในหมู่บ้านต่างได้รับการถ่ายทอดความรู้โดยตรงจากนายเพิ่ม ภู่ประดิษฐ์ และศิษย์กลุ่มนี้ ที่มีการถ่ายทอดสืบต่อกันมาสู่ลูกหลาน โดยกลองไทยจำนวนมากที่ใช้กันอยู่ส่วนใหญ่มาจากแหล่งผลิตพื้นที่นี้ ทำให้ชุมชนมีจุดเด่นในเรื่องของการผลิตกลองที่มีคุณภาพดี นอกจากจะผลิตกลองที่เป็นเครื่องดนตรีแล้ว ยังมีของที่ระลึก ซึ่งเป็นงานหัตถกรรมของชาวบ้านตำบลเอกราชที่ได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 10 เมืองต้นแบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของกระทรวงพาณิชย์ในปี 2554 อีกทั้งยังเป็นหมู่บ้านทำกลองและศูนย์ซ่อมกลองแห่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
กลองเอกราช มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวไทยและชาวต่างชาติในด้านการทำกลอง และถือเป็นสินค้าต้นแบบหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ของอำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
พื้นที่การผลิตกลองเอกราช
ขอบเขตที่ตั้งแหล่งภูมิศาสตร์ซึ่งเป็นพื้นที่การผลิตกลองเอกราช ครอบคลุมพื้นที่หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 ของตำบลเอกราช อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
กระบวนการผลิตกลอง
1. วัตถุดิบผลิตกลอง
1.1 วัตถุดิบที่ใช้ทำตัวกลอง (1) กลองยาว ใช้ไม้เนื้ออ่อนจากต้นไม้ขนาดใหญ่ เช่น ต้นจามจุรี ต้นมะม่วง ต้นขนุน และต้นกระท้อน ที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไป (2) กลองเพลหรือกลองทัด ใช้ไม้เนื้ออ่อนจากต้นไม้ขนาดใหญ่ เช่น ต้นจามจุรี และต้นมะม่วง ที่มีอายุ 40 – 50 ปีขึ้นไป (3) ไม้เนื้ออ่อนที่นำมาใช้ทำตัวกลอง ต้องมีรูปทรงที่เหมาะสมต่อการนำมาทำตัวกลอง (หุ่นกลอง) เนื้อไม้ต้องมีความแน่น เป็นไม้โตเต็มที่ ลำต้นกลมและตรงไม่โค้งงอ ไม่มีโพรงขนาดใหญ่ และไม่มีตาไม้ในเนื้อไม้มาก จึงจะสามารถนำมาเจาะ กลึงได้อย่างสะดวก และได้กลองที่มีคุณภาพดี
1.2 วัตถุดิบที่ใช้ในการขึ้นหน้ากลอง (1) กลองยาว ใช้หนังสัตว์ เช่น หนังวัว หนังควาย หนังแพะ ในอดีตมีการใช้หนังม้า และหนังงูเหลือม (2) กลองเพลหรือกลองทัด ใช้หนังสัตว์ เช่น หนังควายหนา ในการขึ้นหน้ากลอง (3) หนังสัตว์ที่นำมาใช้ต้องมีลักษณะเหมาะสมต่อการขึ้นหน้ากลอง เช่น หนังวัวไทยแท้ เพศเมีย อายุ 10-15 ปี, หนังควายไทยแท้ เพศเมีย อายุ 10-15 ปีขึ้นไป ลักษณะของหนังต้องไม่ยืด มีความสม่ำเสมอ นุ่ม ยืดหยุ่นดี จึงจะเหมาะต่อการนำมาทำหนังหน้ากลอง ที่จะส่งผลให้กลองมีเสียงที่ก้องกังวานและมีความสวยงาม
2. วิธีการผลิตกลอง
2.1 ขั้นตอนการผลิตกลองยาว
(1) ตัดไม้เป็นท่อน ตามขนาดที่ต้องการ (2) ทำหม้อกลองและฐานกลองด้านล่าง (3) ขุดโพรงกลองยาว โดยเจาะไม้ให้เป็นรูแล้วขูดเนื้อไม้ตรงกลางหน้ากลองออกจนกระทั่งทะลุ (4) ขึ้นหน้ากลองยาวด้วยหนังวัว (5) ทดสอบเสียงกลองยาวให้มีเสียงดังตามมาตรฐาน (6) ตกแต่งความสวยงามของกลองยาว ด้วยผ้าที่มีลวดลายสวยงาม
2.2 ขั้นตอนการผลิตกลองเพลหรือกลองทัด
(1) ตัดไม้เป็นท่อน ๆ ตามขนาดที่ต้องการ (2) ขึ้นรูปทรงพุ่มตามแบบมาตรฐาน เจาะคว้านให้เป็นโพรง นำหุ่นกลองไปตากหรืออบให้แห้ง (3) ขึ้นหน้ากลองเพลหรือกลองทัด ควรใช้หนังควายหนา (4) ตกแต่งด้วยน้ำมันและแล็คเกอร์เคลือบเงา ลงรักปิดทอง
2.3 ขั้นตอนการผลิตกลองประดับตกแต่ง หรือกลองที่ระลึก หรือกลองโดยทั่วไป
(1) สร้างหุ่นกลอง หรือตัวกลอง โดยเลือกไม้ให้เหมาะสมกับชนิดของกลอง (2) เจาะรูกลอง โดยคว้านเนื้อไม้ข้างในและเจาะให้ทะลุตลอดทั้งใบ (3) ตากแดดจนกระทั่งเนื้อไม้แห้งสนิท เวลาในการตากแดดขึ้นกับกลองแต่ละขนาด (4) ขัดผิวกลอง เพื่อให้เสี้ยนภายในกลองหลุดออกไป (5) ตกแต่งลวดลายกลอง และทาสีหรือทาน้ำมันขัดเงา (6) ขึ้นหน้ากลองแต่ละชนิดตามความเหมาะสม
3. การบรรจุหีบห่อ (1) รายละเอียดบนฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ ให้ประกอบด้วยคำว่า “กลองเอกราช” หรือ “Klong Ekkarat” (2) ระบุวัสดุที่ใช้ทำกลอง ประเภทกลอง ข้อแนะนำการเก็บรักษา หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค (3) ระบุชื่อผู้ผลิตและที่อยู่ ที่สามารถติดต่อได้
ที่มาข้อมูล : https://ipthailand.go.th/images/3534/2564/GI/GI64100156.pdf